ความรู้เกี่ยวกับ Peptide

ศึกษาข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับการรักษาด้วย Peptide

อัปเดตล่าสุด: มกราคม 2025
เวลาอ่าน: 15 นาที

สารบัญ

Peptide คืออะไร?

Peptide คือโมเลกุลที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่เชื่อมต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ โดยมีขนาดเล็กกว่าโปรตีนแต่ใหญ่กว่ากรดอะมิโนเดี่ยว ในทางการแพทย์ Peptide ถูกนำมาใช้เป็นยาที่มีความจำเพาะสูง เนื่องจากสามารถออกแบบให้ทำงานกับตัวรับ (Receptor) เฉพาะในร่างกายได้

ประเภทของ Peptide ที่ใช้ในทางการแพทย์

  • GLP-1 Receptor Agonists: กระตุ้นการหลั่งอินซูลินและลดความหิว
  • GIP Receptor Agonists: ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลและเผาผลาญไขมัน
  • Dual และ Triple Agonists: ทำงานกับหลายตัวรับพร้อมกัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ข้อมูลน่ารู้

Peptide ที่ใช้ในทางการแพทย์ผ่านกระบวนการผลิตที่เข้มงวด และต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข

TIRZEPATIDE - ข้อมูลครบถ้วน

TIRZEPATIDE เป็น dual GIP/GLP-1 receptor agonist ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA สำหรับการรักษาเบาหวานชนิดที่ 2 และการจัดการน้ำหนัก โดยมีกลไกการทำงานที่แตกต่างจากยาในกลุ่มเดียวกัน

กลไกการทำงาน

TIRZEPATIDE ทำงานโดย:

  • กระตุ้น GIP Receptor: เพิ่มการหลั่งอินซูลินและลดการสะสมไขมัน
  • กระตุ้น GLP-1 Receptor: ลดความอยากอาหาร ชะลอการว่างของกระเพาะ และเพิ่มความรู้สึกอิ่ม
  • ปรับปรุงการเผาผลาญ: ช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานได้ดีขึ้น

ประโยชน์ที่ได้รับ

  1. ลดน้ำหนักได้อย่างมีนัยสำคัญ (โดยเฉลี่ย 18-21% ของน้ำหนักตัว)
  2. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี
  3. ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  4. ปรับปรุงระดับไขมันในเลือด

ขนาดการใช้

TIRZEPATIDE มีขนาดการใช้ที่แตกต่างกัน เริ่มจากขนาดต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้น:

  • 2.5 mg: ขนาดเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ครั้งแรก
  • 5 mg: ขนาดบำรุงรักษาทั่วไป
  • 7.5 mg - 15 mg: สำหรับผู้ที่ต้องการผลการรักษาที่มากขึ้น

ข้อควรระวัง

การเพิ่มขนาดยาควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงทางระบบทางเดินอาหาร

RETATRUTIDE - นวัตกรรมใหม่

RETATRUTIDE เป็น triple receptor agonist ที่มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนกว่า โดยกระตุ้นทั้ง GIP, GLP-1 และ Glucagon receptors พร้อมกัน ซึ่งให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง

ความแตกต่างจาก TIRZEPATIDE

RETATRUTIDE แตกต่างจาก TIRZEPATIDE ตรงที่:

  • กระตุ้น 3 ตัวรับ: เพิ่ม Glucagon receptor ที่ช่วยเผาผลาญไขมัน
  • ประสิทธิภาพสูงกว่า: การศึกษาพบว่าสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า (โดยเฉลี่ย 20-24%)
  • ลดไขมันในตับ: มีผลดีต่อผู้ที่มีภาวะตับอักเสบจากไขมัน

การศึกษาวิจัย

จากการศึกษาทางคลินิก Phase 2 พบว่า:

  • ผู้ที่ใช้ RETATRUTIDE 12 mg ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 24.2% ใน 48 สัปดาห์
  • ปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ายาเดี่ยว
  • ลดรอบเอวและไขมันในช่องท้องได้มาก
  • ปรับปรุงความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด

ขนาดการใช้

  • 4 mg: ขนาดเริ่มต้น
  • 8 mg: ขนาดมาตรฐาน
  • 12 mg: ขนาดสูงสุด สำหรับผู้ที่ต้องการผลการรักษาสูงสุด

สถานะปัจจุบัน

RETATRUTIDE อยู่ระหว่างการศึกษาทางคลินิก Phase 3 และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการศึกษาเบื้องต้นแสดงผลลัพธ์ที่น่าสนใจมาก

วิธีการใช้และเก็บรักษา

การฉีด Peptide

Peptide ทั้ง TIRZEPATIDE และ RETATRUTIDE ใช้วิธีฉีดใต้ผิวหนัง (Subcutaneous injection) โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. เตรียมอุปกรณ์: เข็มฉีด, แอลกอฮอล์แพดสำหรับเช็ด, ผ้าสะอาด
  2. เลือกตำแหน่ง: บริเวณหน้าท้อง, ต้นขา หรือแขนด้านบน (สลับตำแหน่งทุกครั้ง)
  3. ทำความสะอาด: เช็ดบริเวณที่จะฉีดด้วยแอลกอฮอล์
  4. ฉีดยา: หยิกผิวหนังเบาๆ แล้วฉีดยาเข้าไปในมุม 45-90 องศา
  5. ดูแลหลังฉีด: เช็ดทำความสะอาดโดยแอลกอฮอล์แพดเบาๆ ไม่ต้องนวด

ความถี่ในการใช้

  • ฉีดครั้งละ 1 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ควรฉีดในวันและเวลาเดียวกันทุกสัปดาห์
  • หากลืมฉีด สามารถฉีดได้ภายใน 4 วัน หลังจากนั้นให้ข้ามไปยังวันปกติ

การเก็บรักษา

วิธีเก็บรักษาที่ถูกต้อง

ก่อนเปิดใช้: เก็บในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8°C ห้ามแช่แข็ง
หลังเปิดใช้: สามารถเก็บในตู้เย็นหรือที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 30°C
ระยะเวลา: ใช้ภายใน 28 วันหลังเปิดขวด
การพกพา: หากต้องเดินทาง ใช้กระเป๋าเก็บความเย็น

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

  • อย่าแช่แข็งยา
  • อย่าใช้ยาที่เปลี่ยนสี มีตะกอน หรือขุ่น
  • อย่าปล่อยยาตากแดด
  • อย่าเขย่ายาแรง

ผลข้างเคียงและข้อควรระวัง

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร และมักจะลดลงหลังจากใช้ไปสักระยะ:

  • คลื่นไส้: พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก
  • อาเจียน: มักเกิดเมื่อเพิ่งเริ่มใช้หรือเพิ่มขนาด
  • ท้องเสีย: อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงแรก
  • ท้องผูก: บางคนอาจมีอาการท้องผูก
  • ปวดท้อง: ปวดท้องเล็กน้อยถึงปานกลาง
  • ปวดศีรษะ: อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย
  • เบื่อาหาร: รู้สึกไม่อยากทานอาหาร

วิธีจัดการกับผลข้างเคียง

  1. ทานอาหารเล็กน้อยบ่อยครั้ง: แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ 5-6 มื้อต่อวัน
  2. หลีกเลี่ยงอาหารมัน เผ็ด: อาหารที่มีไขมันสูงอาจทำให้คลื่นไส้มากขึ้น
  3. ดื่มน้ำเพียงพอ: ป้องกันการขาดน้ำ
  4. พักผ่อนให้เพียงพอ: ช่วยลดอาการปวดศีรษะ

อาการที่ต้องพบแพทย์ทันที

หากมีอาการดังต่อไปนี้ ให้หยุดใช้ยาและพบแพทย์ทันที:

  • ปวดท้องรุนแรงที่ไม่หาย
  • อาเจียนอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถกินอาหารหรือดื่มน้ำได้
  • อาการแพ้รุนแรง เช่น ผื่นคัน บวมที่ใบหน้าหรือลำคอ หายใจลำบาก
  • อาการตับอักเสบ เช่น ตัวเหลือง ปัสสาวะเข้มข้น
  • อาการของตับอ่อนอักเสบ เช่น ปวดท้องรุนแรงร้าวไปหลัง

ข้อห้ามใช้

ไม่ควรใช้ Peptide หากมีประวัติหรือภาวะดังต่อไปนี้:

  • มีประวัติมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด medullary
  • มีประวัติครอบครัวเป็น Multiple Endocrine Neoplasia syndrome type 2 (MEN 2)
  • มีประวัติตับอ่อนอักเสบ
  • ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • แพ้ส่วนประกอบของยา

ใครควรและไม่ควรใช้

กลุ่มที่เหมาะสมกับการใช้ Peptide

  • ผู้ที่มี BMI มากกว่า 27 และมีโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มี BMI มากกว่า 30
  • ผู้ที่เคยลองวิธีลดน้ำหนักอื่นๆ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ
  • ผู้ที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และต้องการควบคุมน้ำตาล
  • ผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย

กลุ่มที่ไม่ควรใช้

  • เด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง
  • ผู้ที่มีปัญหาทางจิตเวช เช่น ภาวะซึมเศร้ารุนแรง หรือความคิดทำร้ายตนเอง
  • ผู้ที่มีโรคทางเดินอาหารเรื้อรัง
  • ผู้ที่มีไตวายหรือตับวาย

การประเมินก่อนเริ่มการรักษา

ก่อนเริ่มใช้ Peptide ควรได้รับการประเมิน ซึ่งรวมถึง:

  • ประวัติสุขภาพและโรคประจำตัว
  • การตรวจร่างกาย และวัด BMI
  • ตรวจเลือดพื้นฐาน (ระดับน้ำตาล, ไขมัน, การทำงานของตับและไต)
  • ประเมินพฤติกรรมการกินและการออกกำลังกาย
  • กำหนดเป้าหมายการลดน้ำหนักที่เหมาะสม

การติดตามระหว่างการรักษา

ในระหว่างการใช้ Peptide ควรมีการติดตามผล:

  • สัปดาห์แรก: ติดตามผลข้างเคียง
  • เดือนแรก: ประเมินน้ำหนักและอาการ
  • ทุก 3 เดือน: ตรวจเลือด วัดน้ำหนักและรอบเอว
  • ทุก 6 เดือน: ประเมินผลการรักษาโดยรวม

เปรียบเทียบ Peptide แต่ละชนิด

หัวข้อเปรียบเทียบ TIRZEPATIDE RETATRUTIDE
กลไกการทำงาน Dual agonist (GIP + GLP-1) Triple agonist (GIP + GLP-1 + Glucagon)
การลดน้ำหนัก 15-20% ของน้ำหนักตัว 20-24% ของน้ำหนักตัว
การควบคุมน้ำตาล ดีมาก ดีมาก
ผลข้างเคียง ปานกลาง ปานกลางถึงมาก
ความถี่การฉีด 1 ครั้ง/สัปดาห์ 1 ครั้ง/สัปดาห์
สถานะการอนุมัติ อนุมัติโดย FDA อยู่ในระหว่างการศึกษา Phase 3
เหมาะสำหรับ ผู้ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำตาล ผู้ที่ต้องการผลการลดน้ำหนักสูงสุด

การเลือกใช้ Peptide ที่เหมาะสม

การเลือกใช้ Peptide ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง:

  • เป้าหมายการรักษา: ลดน้ำหนัก หรือควบคุมน้ำตาล หรือทั้งสองอย่าง
  • ประสบการณ์: ผู้เริ่มต้นควรเริ่มจาก TIRZEPATIDE ขนาดต่ำ
  • การตอบสนอง: หากไม่ได้ผลกับ TIRZEPATIDE อาจพิจารณา RETATRUTIDE
  • งบประมาณ: ค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า
  • ผลข้างเคียง: ความสามารถในการรับมือกับผลข้างเคียง

คำแนะนำจากเภสัชกร

การใช้ Peptide เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดการน้ำหนัก ควรใช้ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่เพียงพอ

ต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม?